พระพุทธศาสนากล่าวถึงโรคไว้ ๒ ประการ คือ โรคทางกาย(กายิกโรค หรือ กายิกทุกข์)โรคทางใจ(เจตสิกโรค หรือ เจตสิกทุกข์) ทุกข์ และ โรค มีความหมายอันเดียวกัน คือ ความไม่สบายกายไม่สบายใจ พระพุทธองค์ได้รับการสรรเสริญจากเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายว่า เป็นนายแพทย์ผู้เยียวยารักษาสัตว์โลกทั้งปวง(สัพพโลกาติกิจฺฉโก) พระองค์ทรงเป็นนายแพทย์ที่รักษาโรคทางใจได้ยอดเยี่ยมที่สุด ส่วนนายแพทย์ที่รักษาโรคทางกายผู้ซึ่งได้รับการยกย่องและยอมรับว่ายอดเยี่ยมในสมัยพุทธกาล คือ หมอชีวกโกมารภัจ
วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ โดย พระราชรัตนรังษี ได้มองเห็นโรคทั้งสองทางนี้ จึงได้สร้างสถานพยาบาลหรือคลีนิคขึ้น เพื่ออนุเคราะห์และเผยแผ่ความสุขแก่ส่วนรวม ซึ่งเริ่มด้วยการรักษาโรคทางกายก่อน และได้ขยายให้เป็นสถานที่รักษาโรคทางใจด้วย
สำหรับการรักษาโรคทางกายนั้น ทางวัดใช้นโยบาย ๕ รูปี รักษาทุกโรค โดยเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๒ และในปี พ.ศ.๒๕๔๕ ได้ปรับเปลี่ยนมาเป็น ๘ รูปีรักษาทุกโรค โดยเฉพาะในทุกวันพระ จะเปิดรักษาฟรี ซึ่งมีผู้เข้ารับการรักษาประมาณ ๒๐๐-๓๐๐ คน ส่วนใหญ่จะอยู่ในเขต ๖๐ กิโลเมตรจากสถานพยาบาลกุสินาราคลีนิคแห่งนี้
ในวันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯ เสด็จมาวางศิลาฤกษ์
ตั้งแต่นั้นมา ได้มีคณะศรัทธาจากประเทศไทยเรา ได้ร่วมกันแจ้งความประสงค์ เพื่อเป็นเจ้าภาพในการสร้างสถานพยาบาลแห่งนี้ให้แล้วเสร็จ ซึ่งขณะนี้ดำเนินการก่อสร้างไปเกือบ ๘๐ % แล้ว คิดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในปลายปีนี้(๒๕๕๒)
สิ่งที่น่าสนับสนุนอย่างยิ่ง คือชั้นบนสุด ซึ่งเป็นห้องประชุมใหญ่พอควร จะใช้เป็นห้องรักษาโรคทางใจ นั่นคือการสอนกรรมฐาน ใช้เป็นห้องบรรยายธรรม โดยเน้นวิปัสสนาเป็นสำคัญ ซึ่งห้องนี้จะเปิดกว้างสำหรับผู้มาให้ความรู้ในด้านการรักษาโรคทางใจ ไม่กำจัดว่าจะมีวิธีการสอนอย่างไร แต่ขอให้ช่วยผู้ที่ประสบทุกข์ทางใจได้
ชีวกัมพวันเป็นโรงพยาบาลสงฆ์แห่งแรกครั้งพุทธกาล ฉันใด กุสินาราคลีนิคก็เป็นสถานพยาบาลแห่งแรกที่เกิดจากศรัทธาประชาชนชาวไทยในแดนพุทธภูมิ ฉันนั้น
ขอทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการรักษาโรค ด้วยการยึดถือหลักการให้ เป็นจุดเชื่อมต่อและประสานสัมพันธ์งานเผยแผ่พระพุทธศาสนา จงมีสุขภาพเข้มแข็ง แรงใจดีเสมอ มีสติอย่าพลาด เฉลียวฉลาดอย่าเผลอ ประพฤติธรรมอันเลิศเลอ ได้เสนอสนองคุณพระบรมศาสดา โรคเจ็บอย่ามาใกล้ โรคใจอย่ามากราย โรคร้ายอย่ามากร้ำ โรคกรรมอย่ามาเจอ ...สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น